บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: ข่าวสด | เผยแพร่เมื่อ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๙
เมื่อวันที่ ๑๖ ต.ค. นายจักรกฤศฎิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมการผลิตเหรียญที่ระลึกงานพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร แบ่งเป็น ๔ ประเภท ได้แก่ ทองคำ, เงิน, ทองแดง ขนาดเล็กและขนาดใหญ่
โดยเบื้องต้นกำหนดราคาเหรียญที่ระลึกสูงสุดเหรียญละ ๕๐,๐๐๐ บาท และราคาต่ำสุดเหรียญละ ๑๐๐ บาท เพื่อให้ประชาชนได้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษารูปแบบและระยะเวลาการเปิดให้ประชาชนได้จองและรับแลก ก่อนจะเสนอให้ครม. และสำนักพระราชวังพิจารณา
โดยปกติกระบวนการผลิตจะใช้เวลาประมาณ ๑ ปี เนื่องจากต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับรูปแบบที่จะนำใช้เป็นภาพหน้าเหรียญ
สำหรับความคืบหน้าการตรวจสอบการสำรวจเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่กรมฯ ผลิตไว้ จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันยังมีเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเหลืออยู่ประมาณ ๒๔ แบบ คิดเป็น ๓-๔ ล้านเหรียญ โดยประชาชนสามารถเข้ามาแลกได้ เช่น เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม, เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ หรือเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกพระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดกไทย เป็นต้น
ขณะที่เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปีนั้น มีทั้ง ๓ แบบ ดังนี้
เหรียญกษาปณ์ทองคำขัดเงา ชนิดราคา ๑๖,๐๐๐ บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ ๓๐,๐๐๐ บาท ผลิตเพียง 10,000 เหรียญ, เหรียญกษาปณ์
เงินขัดเงา ชนิดราคา ๘๐๐ บาท จำหน่ายราคาเหรียญละ ๑,๖๐๐๐ บาท ผลิตเพียง ๕๐,๐๐๐ เหรียญ
เหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา ๕๐ บาท ที่จ่ายแลกราคาเหรียญละ ๕๐ บาท ที่ผลิตเพียง ๓ ล้านเหรียญ กรมธนารักษ์ได้จำหน่ายกระจายไปสู่ประชาชนหมดแล้ว
“เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก รัชกาลที่ ๙ ที่ยังมีเหลืออยู่ ๒๔ แบบ ยังมีจำนวนที่เพียงพอรองรับต่อความต้องการของประชาชนได้ โดยกรมธนารักษ์สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์แลกเหรียญทุกแห่งเตรียมพร้อมให้บริการประชาชนที่มีความต้องการแลกเหรียญเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้ว”

นายจักรกฤศฎิ์กล่าวว่า ขณะนี้ พบว่าประชาชนจำนวนมากเริ่มสะสมเหรียญที่ระลึก โดยมีประชาชนเดินทางมาจ่ายแลกเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ ๑๗ ต.ค. รวมถึงเก็บเหรียญกษาปณ์ที่ใช้จ่ายหมุนเวียนไว้เป็นที่ระลึกบ้างแล้ว โดยกรมฯ เตรียมแผนการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน หากประชาชนนำเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบันไปเก็บสะสม และไม่นำออกมาหมุนเวียนอีก กรมฯ ก็จะผลิตเหรียญกษาปณ์ออกมาให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายและสภาพคล่องในปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายไว้จะผลิตไม่เกิน ๒๐ เปอร์เซ็นต์ จากเป้าหมายในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ที่ ๘๐๐ ล้านเหรียญ โดยในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์ไปแล้ว ๑,๔๐๐ ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนหน้าเหรียญกษาปณ์ใหม่นั้น คงต้องรอกระบวนการและความชัดเจน โดยธนารักษ์เตรียมพร้อมการดำเนินงานไว้แล้ว ซึ่งยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากหลายส่วนร่วมด้วย เบื้องต้นตามหลักการดำเนินงาน จะต้องรอให้มีการโปรดเกล้าในการผลิตเหรียญกษาปณ์แบบใหม่ก่อน ถึงจะเริ่มดำเนินการได้
ส่วนเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนในปัจจุบันยังใช้ควบคู่กันไป โดยจะไม่มีการเรียกคืน แต่จะให้มีการใช้เหรียญกษาปณ์จนหมดอายุ ก่อนนำมาหลอมทำลาย
