เปิดใจ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สร้างวัดร่องขุ่นถวาย ”ในหลวง” รังสรรค์ศิลปะประจำรัชกาลที่ ๙
0

บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: ข่าวสด | เผยแพร่เมื่อ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๙

อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ผู้สร้างวัดร่องขุ่น สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย เผยเรื่องราวความประทับใจที่เคยถวายงาน เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ด้วยน้ำเสียงอันฉะฉานตามสไตล์ แต่แฝงด้วยความเศร้าว่า ตนรักในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาตั้งแต่เกิด รู้เรื่องที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังหลายจังหวัดรวมถึงเชียงราย ทรงช่วยเหลือชาวไทยที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงและด้านอื่นๆ มากมาย เมื่อโตขึ้น และได้มีโอกาสไปเรียนด้านการวาดรูป หรือจิตรกรรม จึงได้รู้ว่าพระองค์ก็ทรงชอบการวาดภาพ และยังมีพระอัจฉริยภาพด้านศิลปะอย่างมากอีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับตนตั้งแต่ยังเรียนวิทยาลัยเพาะช่าง ว่าจะขอมีโอกาสถวายงานด้านศิลปะเพื่อพระองค์สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อที่จะสร้างงานศิลปะสมัยใหม่ ตนอุทิศตนด้วยการเดินทางไปวัดพุทธประทีป ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และร่วมกับรุ่นน้องคนหนึ่งวาดรูปศิลปะร่วมสมัยเพื่อถวายพระองค์ โดยใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานเป็นเวลา ๔ ปี

พอกลับมาตอนนั้นพระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ได้มีการเลือกศิลปินให้ไปวาดภาพ ซึ่งตนได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเข้าเฝ้าฯ เป็นวันแรก ทรงถามว่าใครเป็นคนวาดรูปวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน เมื่อทรงทราบว่าเป็นตนก็ตรัสว่าดีๆ มาก นั่นเป็นงานศิลปะสมัยใหม่ และทรงอยากให้หนังสือพระมหาชนกได้วาดศิลปะประจำพระองค์ท่านด้วย โดยอย่าลอกงานตามฝาผนังหรืองานศิลปะเก่าๆ แต่ต้องการให้เป็นศิลปะสมัยใหม่ประจำรัชกาลพระองค์

อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ครั้งนั้นมีศิลปินจำนวน ๘ คน ที่ได้รับเลือกให้วาดภาพ โดยตนได้เขียนภาพตอนเรือแตกและตกทะเล ซึ่งขณะได้ถวายงานนั้นทำให้ตนล่วงรู้ในหลายๆ อย่าง เห็นพระองค์ทรงตรวจงานเป็นจำนวนมากเป็นร้อยๆ รูป พระองค์ทรงขับรถมาเอง และทรงถือรูปจำนวนมากที่ตรวจลงรถมาเอง แล้วยังตรัสบอกพวกเราว่าเมื่อคืนไม่ได้บรรทมเลย เพราะตรวจรูปภาพดังกล่าว ทำให้พวกเราตกใจกันมาก และไม่เคยคิดว่าจะทรงงานเองทั้งหมด ทรงตรวจรูปและมีพระราชวินิจฉัยอย่างละเอียดทีละรูปๆ ตนซึ่งอยู่แทบพระบาทคอยจับรูปให้ทีละรูป ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทุ่มเทละเอียดทุกอย่าง จึงเป็นที่มาที่ทำให้ตนตั้งใจในวันนั้นเลยว่าจะถวายชีวิต และเมื่อเสร็จงานพระมหาชนกแล้ว ตนจะกลับบ้านมาทำสิ่งที่พระองค์ทรงปรารถนา ด้วยการสร้างศิลปะประจำรัชกาลของพระองค์จนวันตาย

“ผมไม่รู้จะพูดอะไร นี่เป็นแรงบันดาลใจของผมตั้งแต่เป็นเด็ก ผมรู้จักพระเจ้าอยู่หัว ผมรัก และผมก็มีโอกาสอย่างที่ผมฝัน ผมก็ได้ใกล้ชิดพระเจ้าอยู่หัว อยู่ใต้พระบาทท่าน ผมไม่ได้ทำงานพระมหาชนกอย่างเดียว แต่ผมเรียนด้วย เมื่อพระองค์ประชวรครั้งแรก ผมมองแบบเรียน ผมทุ่มเทให้กับวัดร่องขุ่น ทุกอย่างคือความรัก วัดร่องขุ่นคือสิ่งที่ผมทุ่มเทเพื่อพระองค์ท่าน ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ท่าน ผมอยากทำเพื่อถวายท่าน ผมอยากทำให้มันยิ่งใหญ่ที่สุด ให้คนทั้งโลกรู้จักงานศิลปะของยุคสมัยของพระองค์ที่ยิ่งใหญ่ และทรงเมตตาทุ่มเทต่อประชาชน” อาจารย์เฉลิมชัยกล่าวทั้งน้ำตา

อีกหนึ่งในผลงานที่ผู้คนนิยมเข้าชมและยังเป็นปริศนาเนื่องจากอาจารย์เฉลิมชัยระบุว่าไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน คือภาพร่างด้วยดินสอดำบนกระดาษที่ตั้งอยู่ใกล้กันจำนวน ๒ ภาพ คือภาพทรงชนะมาร และภาพร่างสมบูรณ์แบบที่แก้ไขตามพระราชกระแสรับสั่ง

อาจารย์เฉลิมชัย เปิดเผยเบื้องหลังภาพทั้งสองว่า เมื่อปี ๒๕๓๘ ตนเข้าถวายงานในหลวง ด้วยการจัดทำภาพร่างเพื่อนำไปจัดทำเหรียญพระราชทานแก่แพทย์และพยาบาลผู้รักษาพระหทัย เมื่อครั้งประชวรเป็นครั้งแรก โดยตนได้ทำภาพร่างเป็นภาพช้างชูรูปหัวใจและอักษร ”ภอ” ซึ่งเมื่อตนนำภาพร่างทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อวันที่ ๔ พ.ค. ปีเดียวกัน ได้ทรงมีพระราชวินิจฉัยอย่างละเอียด และทรงให้ตนนำไปแก้ไขหลายจุด โดยทรงมีลายพระหัตถ์เป็นตัวหนังสือด้านบนภาพใบหนึ่งว่า “ช้างหน้าดุเกินไป” และยังมีรับสั่งให้ย้ายอักษร “ภอ” แก้ไขตรงดอกบัว ส่วนงาช้างก็ไม่ให้แหลมเกินไป และตรงงวงช้างชูก็ให้มีความอ่อนช้อยมากขึ้น ซึ่งตนได้จดบันทึกเอาไว้บนภาพร่างดังกล่าวด้วย

อาจารย์เฉลิมชัย เผยอีกว่าตนได้ใช้ระยะเวลาในการแก้ตามที่ทรงมีรับสั่งเป็นเวลา ๑ วัน จึงแล้วเสร็จ และนำกลับไปทูลเกล้าฯ ถวายอีกครั้ง จึงได้นำไปจัดทำเป็นเหรียญจำนวน ๘๐๐ กว่าเหรียญ ซึ่งตนได้รับพระราชทานด้วยจำนวน ๑ เหรียญ เก็บเอาไว้ในตู้เซฟอย่างดี เพราะเป็นสิ่งที่มีสิริมงคลสำหรับตนเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ การได้มีโอกาสถวายงานดังกล่าว ทำให้ตนทราบว่าในหลวงของเรา ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางศิลปะเป็นอย่างมาก โดยพระองค์ทรงเป็นครูที่สุดยอดของตน ทรงชำนาญเรื่ององค์ประกอบของภาพ การประสานกลมกลืน รูปลักษณ์ รูปทรง ความสัมพันธ์ ความสมดุล ตนถือเป็นความภาคภูมิใจที่ตนและครอบครัวได้มีโอกาสถวายงานเป็นอย่างมากหาที่สุดมิได้


Leave a Comment

Your email address will not be published.

0