๙ พระอัจฉริยภาพของในหลวง
0

บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: True ปลูกปัญญา | เผยแพร่เมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เรื่อง: พิษณุกรณ์ เต็มปัน ภาพประกอบ: พลอยขวัญ สุทธารมณ์ และ อารัมภ์พร เอี่ยมวุฒิ

๙ พระอัจฉริยภาพของในหลวง

เป็นเวลากว่า ๗ ทศวรรษ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองราชย์ และทรงงานอย่างหนักเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขของพสกนิกรชาวไทย ทรงมีสายพระเนตรอันกว้างไกลในการพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ ทรงอุทิศพระองค์เพื่อประชาชน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถด้านการทรงงานที่มีอย่างรอบด้าน แต่แท้จริงแล้วมิได้มีเพียงเท่านี้ พระองค์ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ อีกหลากหลาย ที่ล้วนเกิดจากความสนพระราชหฤทัย และทรงมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ ซึ่งหลายด้านเป็นพื้นฐานในการนำมาพัฒนาประเทศจนเป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและชาวโลกในเวลาต่อมา

พระอัจฉริยภาพด้านดนตรี

พระองค์ทรงเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงเรียนการเป่าแซกโซโฟน การเขียนโน้ตเพลง การบรรเลงดนตรีสากลในแบบต่างๆ พระองค์ทรงเครื่องดนตรีได้หลายประเภท เช่น แซกโซโฟน คลาริเน็ต ทรัมเป็ต เปียโน และกีตาร์ แต่แนวเพลงที่ทรงโปรดมากที่สุดคือแนวเพลงแจ๊ส โดยทรงหัดเป่าแซกโซโฟนสอดแทรกกับแผ่นเสียงของนักดนตรีแจ๊สที่มีชื่อเสียงระดับโลกได้เป็นอย่างดี

นอกจากทรงดนตรีได้เชี่ยวชาญแล้ว ยังทรงพระราชนิพนธ์เพลงด้วยพระองค์เองอีกหลายเพลง เช่น แสงเทียน ที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นขณะมีพระชนมพรรษาเพียง ๑๘ พรรษา ซึ่งนักประพันธ์เพลงหลายท่านได้ให้ความเห็นว่าพระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ไพเราะและมีชั้นเชิง

พระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านดนตรีของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ในวงการดนตรีโลก จนสถาบันดนตรีและศิลปะแห่งกรุงเวียนนาซึ่งเป็นสถาบันดนตรีที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ของโลกได้ถวายพระเกียรติให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบัน และไม่ได้มีเพียงด้านดนตรีสากลเท่านั้น ด้านดนตรีไทยพระองค์ยังทรงสนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยบันไดเสียงของดนตรีไทย และมีพระราชประสงค์ที่จะอนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่คู่ชาติตลอดไป

พระอัจฉริยภาพด้านภาษาและวรรณกรรม

พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์นักอักษรศาสตร์ ด้วยทรงเจริญพระชันษาในต่างประเทศ จึงทรงใช้ภาษาต่างประเทศได้อย่างแตกฉาน โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศสและภาษาเยอรมัน ต่อมาทรงเห็นว่าภาษาอังกฤษก็มีความสำคัญในการติดต่อสื่อสาร จึงทรงศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมจนเชี่ยวชาญ

ด้วยพระอัจฉริยภาพด้านการใช้ภาษา เมื่อทรงมีเวลาว่างได้ทรงพระราชนิพนธ์แปลบทความจากวารสารและหนังสือภาษาต่างประเทศหลายเรื่อง เช่น นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ และ ติโต พระราชนิพนธ์แปลทั้งสองเรื่องนี้นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพในการแปลแล้ว ยังทำให้เราเข้าใจถึงพระราชประสงค์ที่ต้องการให้คนไทยได้รู้จักมหาบุรุษของโลกอีกด้วย

หนังสือพระราชนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถด้านวรรณกรรมที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ พระมหาชนก และ ทองแดง ทั้งสองเรื่องนี้ทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะเรื่องพระมหาชนก ที่แสดงให้เห็นถึงความเพียร สติ ปัญญา และให้คติสอนใจหลายประเด็น

พระอัจฉริยภาพด้านภาษาและวรรณกรรมของพระองค์ท่านได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนไทยหลายคนยึดเอาเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าแก่สังคมไทย

พระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ

ขณะประทับอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ พระองค์ทรงโปรดการถ่ายภาพเป็นอย่างมาก ทรงได้รับพระราชทานกล้องถ่ายภาพตัวแรกจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อมีพระชนมายุเพียง ๘ พรรษา ในระยะแรกทรงถ่ายภาพด้วยกล้องที่ไม่มีเครื่องวัดแสงในตัว จึงคำนวณการวัดแสงด้วยพระองค์เอง จนสามารถวัดแสงได้อย่างแม่นยำ ทรงประดิษฐ์แผ่นกรองแสง (ฟิลเตอร์) สำหรับถ่ายภาพด้วยพระองค์เอง และยังทรงเชี่ยวชาญในการล้างฟิล์ม อัดขยายภาพขาวดำและภาพสีอีกด้วย

ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในระยะแรกทรงฉายภาพบุคคลใกล้ชิด โดยเฉพาะทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระบรมราชินีนาถและพระฉายาลักษณ์พระราชโอรสและพระราชธิดาไว้เป็นจำนวนมาก จนเมื่อภายหลังทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่างๆ ก็ยังทรงถ่ายภาพด้วยพระองค์เอง ดังจะเห็นว่าพระองค์จะมีกล้องถ่ายภาพห้อยอยู่ที่พระศออยู่ตลอดเวลา ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์เหล่านั้นจึงเป็นภาพที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นแบบอย่างให้กับนักถ่ายภาพทุกคนอย่างหาที่สุดมิได้

พระอัจฉริยภาพด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี

“โครงการฝนหลวง” เป็นหนึ่งในนวัตกรรมการทำฝนเทียมที่พระองค์ทรงคิดค้น วิจัยและพัฒนาด้วยพระองค์เองเป็นเวลากว่า ๑๒ ปี เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชน จนได้รับการจดสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ยังทรงประดิษฐ์คิดค้นและออกแบบเครื่องมือบำบัดน้ำเสียที่เรียกว่า “กังหันน้ำชัยพัฒนา” โดยใช้หลักการเติมออกซิเจนให้กับน้ำ ด้วยทรงตระหนักถึงปัญหาความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและปัญหามลพิษทางน้ำ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ในด้านพลังงาน ยังทรงมีพระราชดำริให้ทดลองวิจัยการนำน้ำมันปาล์มมาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล จนประสบความสำเร็จ เรียกว่า “ไบโอดีเซล” ส่งผลให้สามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานในประเทศได้

ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายคอมพิวเตอร์ส่วนพระองค์เครื่องแรกเพื่อทรงใช้งานคือแมคอินทอช พลัส โดยทรงใช้สร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยพระองค์เอง ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทยที่มีลักษณะงดงาม เช่น แบบจิตรลดา แบบภูพิงค์ ทรงใช้เพื่อบันทึกพระราชกรณียกิจต่างๆ และทรงใช้ประดิษฐ์ ส.ค.ส. อวยพรปีใหม่ให้กับประชาชนชาวไทยตลอดทุกปี

พระอัจฉริยภาพด้านกีฬา

ครั้งทรงพระเยาว์ทรงโปรดเล่นกีฬาสกีน้ำ สกีหิมะ ว่ายน้ำ เรือกรรเชียง แบดมินตัน ยิงปืน ฮอกกี้น้ำแข็ง ทรงศึกษาข้อมูลของกีฬาแต่ละชนิดอย่างละเอียด และทรงฝึกฝนจนปฏิบัติได้เป็นอย่างดี นับเป็นแบบอย่างที่ดีของนักกีฬา

ในบรรดากีฬาทุกประเภท ทรงโปรดกีฬาเรือใบเป็นอย่างมาก นอกจากทรงเล่นกีฬาเรือใบแล้ว ยังทรงคิดค้น ออกแบบ และต่อเรือด้วยพระองค์เองอีกหลายลำ ทรงเคยเป็นนักกีฬาเรือใบทีมชาติ โดยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่ ๔ ที่ประเทศไทย และในการแข่งขันครั้งนั้นพระองค์ทรงชนะเลิศการแข่งขัน และทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัลเหรียญทองจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ท่ามกลางความปลื้มปีติของพสกนิกร

ด้วยพระปรีชาสามารถทางด้านกีฬาเรือใบ พระองค์ได้ทรงเรือใบประเภทโอเค (International OK Class) ที่ทรงต่อด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เองชื่อ “เวคา” เสด็จข้ามอ่าวไทย จากวังไกลกังวล อ.หัวหิน ไปขึ้นฝั่งที่หาดเตยงาม อ.สัตหีบ เพียงลำพังพระองค์เดียว นับเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถทางด้านเรือใบระยะไกลในแบบที่ไม่เคยมีพระมหากษัตริย์พระองค์ใดเคยทำมาก่อน

พระอัจฉริยภาพด้านงานช่าง

พระองค์ทรงมีฝีพระหัตถ์ที่ยอดเยี่ยมในด้านงานช่างมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทรงสร้างมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เอง ทรงประดิษฐ์ของเล่นด้วยพระองค์เอง ทั้งเรือบินไม้ที่ร่อนได้จริง และเรือรบหลวงจำลองศรีอยุธยาที่มีรายละเอียดมากมาย

งานช่างที่ทรงสนพระราชหฤทัยมากที่สุดก็คือการต่อเรือใบ ทรงใช้ความรู้พื้นฐานทั้งช่างไม้ ช่างโลหะ ช่างกล คิดค้นออกแบบและสร้างเรือใบด้วยพระองค์เอง เรือใบลำแรกที่ทรงต่อเป็นเรือใบประเภทเอ็นเตอร์ไพรส์ (International Enterprise Class) ชื่อเรือ “ราชปะแตน” และลำต่อมาชื่อเรือ “เอจี” หลังจากนั้นก็ทรงต่อเรือใบประเภทโอเค (International OK Class) ตามแบบสากลลำแรกชื่อเรือ “นวฤกษ์” และอีกหลายลำต่อมาพระราชทานชื่อว่าเรือ “เวคา” ส่วนเรือใบที่ทรงออกแบบให้มีความเหมาะสมกับคนไทยคือ “เรือใบมด” เป็นเรือใบประเภทม็อธ (International Moth Class) ซึ่งทรงออกแบบและต่อเรือด้วยพระองค์เอง และได้จดลิขสิทธิ์เป็นสากล ต่อมาได้ทรงพัฒนาเรือแบบนี้มาเรื่อยๆ พระราชทานชื่อว่า “เรือใบซูเปอร์มด” และ “เรือใบไมโครมด” ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่นักแล่นเรือใบทั้งหลาย เรือใบลำสุดท้ายที่ทรงต่อคือ “เรือใบโม้ก” (Moke) ซึ่งหลังจากนั้นก็มิได้ทรงต่อเรืออีกเลย เนื่องจากทรงมีพระราชภารกิจมากมาย

พระอัจฉริยภาพด้านการสื่อสาร

เมื่อยังทรงพระเยาว์ทรงสร้างเครื่องรับวิทยุร่วมกับพระเชษฐา โดยมีที่มาจากการขายสลากในงานโรงเรียน ซึ่งพระองค์ทรงได้สลากเป็น คอยล์ (Coil) จึงได้ทรงศึกษาและทรงซักถามผู้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้เป็นวิทยุออกมา ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำให้พระองค์ซื้อแร่สีดำ ซึ่งเป็นที่รับไฟฟ้าในอากาศที่เป็นคลื่นวิทยุ โดยพระองค์ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ไปซื้ออุปกรณ์วิทยุแล้วทรงนำมาประกอบด้วยพระองค์เอง จนสามารถรับฟังสถานีวิทยุกระจายเสียงบางแห่งได้

ในปี ๒๔๙๕ พระองค์ทรงจัดตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้นในพระราชวังดุสิต เพื่อให้พสกนิกรมีโอกาสติดต่อกับพระองค์ได้ง่ายขึ้น และสถานีวิทยุแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุภัยพิบัติต่างๆ ด้วย พระองค์ทรงทดลองรับส่งวิทยุทางไกลระหว่างกรุงเทพฯ กับหัวหิน และทรงสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ส่งผลต่อการรับส่งวิทยุ แล้วจึงทรงแก้ไขปรับปรุงระบบรับส่งวิทยุสื่อสารให้สามารถใช้งานได้ผลดีกว่าเดิม นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงมีพระราชดำริให้มีการพัฒนาระบบวิทยุสื่อสารอย่างจริงจัง จะเห็นได้ว่าพระองค์จะใช้วิทยุสื่อสารเป็นเครื่องมือติดพระวรกายตลอดเวลาในระหว่างประกอบพระราชกรณียกิจในท้องถิ่นต่างๆ เพราะนั่นจะทำให้พระองค์ได้รับฟังเรื่องทุกข์สุขของประชาชนนั่นเอง

พระอัจฉริยภาพด้านศิลปะ

งานจิตรกรรมเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งที่พระองค์สนพระราชหฤทัยมาก ทรงฝึกฝนการเขียนภาพด้วยพระองค์เองตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทรงศึกษาเทคนิคการวาดภาพจากตำราต่างๆ ทั้งที่ซื้อด้วยพระองค์เองและมีผู้นำมาทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อทรงสนพระราชหฤทัยในผลงานของศิลปินผู้ใดก็จะเสด็จไปทรงเยี่ยมศิลปินผู้นั้น ทรงมีพระราชปฏิสันถารถึงขั้นตอนวิธีการทำงาน การใช้สี การผสมสี และทรงทอดพระเนตรเทคนิคและวิธีการต่างๆ เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วจึงทรงนำไปฝึกฝนปฏิบัติด้วยพระองค์เอง ทรงเริ่มวาดภาพอย่างจริงจังหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ โดยภาพวาดฝีพระหัตถ์ในระยะแรกจะเป็นภาพเหมือน ทรงโปรดที่จะวาดพระสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทุกพระองค์ เมื่อทรงว่างจากพระราชภารกิจก็จะทรงงานวาดภาพอยู่เสมอ ภาพวาดฝีพระหัตถ์ของพระองค์เท่าที่ปรากฏมี ๓ ลักษณะใหญ่ๆ คือ ภาพแบบเหมือนจริง (Realistic) คตินิยมแบบลัทธิเอ็กซ์เพรสชั่นนิสต์ (Expressionism) และในช่วงหลังๆ จะทรงวาดภาพแบบนามธรรม (Abstractionism)

พระอัจฉริยภาพด้านการเกษตรและชลประทาน

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเล่าไว้ในหนังสือเรื่อง เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์ ว่าพระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในการกั้นน้ำสร้างเขื่อนมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ โดยไม่ใช่เป็นเพียงการเล่น แต่เป็นการเรียนรู้อีกด้วย พระองค์ทรงมีแนวพระราชดำริใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำ ดิน ป่าไม้ และทรงพระราชทานแนวพระราชดำรินั้นเพื่อให้นำไปปฏิบัติ แนวทางการจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน “ทฤษฎีใหม่” ก็เกิดขึ้นได้ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ เป็นแนวทางในการจัดสรรพื้นที่ทำกินให้มีความเหมาะสม ทรงศึกษาและวิจัยเชิงปฏิบัติเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่มาเป็นเวลานาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ในพื้นที่ส่วนพระองค์ จนได้ผลดีแล้วจึงพระราชทานทฤษฎีใหม่นี้ไปใช้อย่างกว้างขวาง

นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงพระราชทาน “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นแนวทางการดำรงชีวิตให้อยู่ได้อย่างมั่นคง พึ่งพาตัวเองได้ แม้ว่าสถานการณ์ของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร แนวพระราชดำรินี้ยังถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอีกหลายประเทศ ด้วยเห็นว่าสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน

พระปรมาภิไธย

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร

พระราชสมภพ

๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

สวรรคต

๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร

ครองราชย์

๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙


แหล่งข้อมูล
หนังสือ เจ้านายเล็กๆ ยุวกษัตริย์ พิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
www.ncit.navy.mi.th
www.identity.opm.go.th
web.ku.ac.th


Leave a Comment

Your email address will not be published.

0