บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: www.koratdaily.com | เผยแพร่เมื่อ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๐
ณ บ้านเลขที่ ๑๘๓ หมู่ ๖ บ้านเดื่อ ๑ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ของนายวัฒนา วิจารณรงค์ อายุ ๖๔ ปี และนางกองมณี วิจารณรงค์ อายุ ๗๔ ปี คู่สามีภรรยา ซึ่งบ้านดังกล่าวเคยเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้ไฟไหม้บ้านสองชั้น แต่มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น คือ “พระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ครั้งทรงผนวช” ที่แขวนไว้กับผนังห้องโถงบริเวณชั้นล่าง กลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ มีเพียงรอยไหม้เล็กน้อยตรงขอบกรอบพระบรมฉายาลักษณ์เท่านั้น ซึ่งเหตุการณ์ไฟไหม้นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙
สำหรับนายวัฒนานั้น เคยรับราชการครู ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนายาด ตำบลสามพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ส่วนภรรยาเป็นแม่บ้าน ทั้งคู่มีลูกชายด้วยกัน ๑ คน แต่เสียชีวิตแล้ว ด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ต้องอยู่ด้วยกันเพียง ๒ คน
ในช่วงที่เป็นครู นายวัฒนาเคยสาบานตนเป็นข้าราชการของพระราชา จึงมีความเคารพเทิดทูนในหลวง อีกทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอยู่ตลอดเวลา จึงได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาติดไว้ที่ผนังห้องโถง เพื่อกราบไหว้
และนายวัฒนายังชอบเก็บสะสมธนบัตรและเหรียญรุ่นเก่าไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย โดยก่อนเกิดเหตุ ในช่วงเย็นของวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นในเขตเทศบาลนครอุดรธานี และฝนตกอย่างหนัก ทำให้ไฟฟ้าดับ นายวัฒนาและภรรยาได้เข้าหลบฝนอยู่ที่บ้านเรือนไทย ซึ่งทั้งสองคนสร้างไว้ในพื้นที่ใกล้เคียงกับบ้านที่เกิดไฟไหม้ กระทั่งเวลา ๑๙.๐๐ น. ฝนหยุดตก และไฟฟ้าตามบ้านเริ่มทยอยส่องสว่าง แต่นายวัฒนามองเห็นว่า ไฟฟ้าในบ้านของตนเองไม่ติด แถมยังมีกลิ่นเหม็นไหม้เล็ดลอดออกมา และมีเสียงปะทุคล้ายค้อนทุบบริเวณต้นเสาห้องโถงชั้นล่าง เมื่อนายวัฒนาวิ่งเข้าไปดูก็เห็นไฟลุกไหม้บริเวณสายไฟฟ้า และลุกลามไปอย่างรวดเร็ว เพราะมีลมกรรโชกตลอด จากนั้นไม่นาน บรรดาญาติๆ ที่อยู่บริเวณบ้านใกล้เรือนเคียงได้มาช่วยขนทรัพย์สินออกจากบ้าน และแจ้งรถดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟ แต่ไม่ทันการณ์ เพราะไฟได้ไหม้บ้านเสียหายหมดทั้งหลังแล้ว
หลังจากเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำดับไฟจนมอดสนิทแล้ว นายวัฒนาได้เข้าสำรวจสิ่งของภายในบ้าน ก็พบ “พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” เมื่อครั้งทรงผนวช ใส่ไว้ในกรอบรูปวิทยาศาสตร์ และติดไว้กับผนังห้องโถง (ซึ่งกลุ่มครูมอบให้เป็นของที่ระลึกในวันเกษียณอายุราชการ) ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด มีเพียงบริเวณขอบรูปเท่านั้นที่มีรอยไฟไหม้เพียงเล็กน้อย พร้อมกับธนบัตรที่ได้เก็บสะสมอัดกรอบไว้ก็ไม่ได้รับความเสียหาย จึงยกมือขึ้นไหว้เหนือหัว พร้อมกล่าวสาธุบารมีในหลวงคุ้มครอง แล้วนำออกมาให้ภรรยาและญาติๆ ดู ทุกคนต่างรู้สึกแปลกใจ เพราะไฟไหม้มอดทั้งหลัง จึงไม่น่าเชื่อว่าจะรอดพ้นจากกองเพลิงมาได้ นายวัฒนาเชื่อว่า เพราะบุญญาธิการและพระบารมีของพระองค์ท่าน ทำให้เกิดเรื่องน่าอัศจรรย์นี้ขึ้น ส่วนเงินเหรียญที่สะสมไว้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบ้าง แต่สามารถนำมาขัดล้างทำความสะอาดได้
นายวัฒนา วิจารณรงค์ กล่าวอีกว่า “ตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่เคยสอนไว้ว่า ในหลวงคือสมมติเทพ หรือเทวดามาเกิด คนเฒ่าคนแก่พูดให้ฟังว่า เมื่อในหลวงหรือเหล่าราชวงศ์เสด็จจังหวัดอุดรธานีนั้น เปรียบเสมือนช้างหรือนางพญามาเหยียบเมือง แม้แต่แดดเปรี้ยงยังบดลงได้ ด้วยพระบารมีปกเกล้าแผ่นดินไทย และเมื่อครั้งมีเรื่องทุกข์ใจ นายวัฒนาจะกราบไหว้พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงตลอด เพื่อขอพระบารมีปกป้องคุ้มครอง”
หลังจากทราบข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต นายวัฒนาและภรรยาต่างรู้สึกเศร้าโศก และอาลัยต่อพ่อหลวงสุดหัวใจ จึงขอปฏิญาณตนว่า จะน้อมนำคำสั่งสอน และนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านมาใช้ดำรงชีวิต และสอนลูกหลานให้เป็นคนดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ตลอดไป
=========
อ้างอิง: นสพ.โคราชคนอีสาน ปีที่ ๔๒ ฉบับที่ ๒๓๙๖ วันอาทิตย์ที่ ๖ – วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๙