“จิตรกรรมฝีพระหัตถ์” มรดกศิลป์ล้ำค่า … แห่ง “องค์อัครศิลปิน”
0

บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา : เดลินิวส์ | เผยแพร่เมื่อ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
อ้างอิง: ทีมวาไรตี้

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙” ทรงเปี่ยมด้วยพระราชอัจฉริยภาพ ทรงเชี่ยวชาญศาสตร์ต่างๆ มากมาย พระราชอัจฉริยภาพแห่งพระองค์ท่านนั้น เป็นที่ประจักษ์ชัดทั้งต่อพสกนิกรไทยและชาวต่างชาติ พระองค์ทรงได้รับการยกย่องสดุดีพระเกียรติคุณในหลายแขนง และในปี พ.ศ. ๒๕๒๙ คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทูลเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญา องค์ “อัครศิลปิน”

ทั้งนี้ สำหรับ พระราชอัจฉริยภาพด้านทัศนศิลป์จิตรกรรม ผลงานของพระองค์ท่านก็เริ่มปรากฏให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชม นับแต่การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ โดยครั้งนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์” เข้าร่วมแสดง ๖ ภาพ ได้แก่ กุหลาบไทย, มือแดง, ชอบเขียน, วัฏฏะ, ต่อสู้ และ เขียนที่ภูพิงค์

ต่อมา การจัด นิทรรศการจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ ก็ได้มีขึ้นอีกหลายครั้ง โดยปี พ.ศ. ๒๕๔๒ ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ มหาวิทยาลัยศิลปากรได้มีการจัดนิทรรศการศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ที่ไม่เคยเผยแพร่มาก่อน จัดแสดงจำนวน ๖๐ ภาพ

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ แห่ง “ในหลวง รัชกาลที่ ๙” ส่วนใหญ่พระองค์ท่านจะทรงสร้างสรรค์ด้วย “เทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ” และมีส่วนที่ทรงวาดบนไม้บ้าง แต่ไม่มากนัก ทั้งนี้ จากข้อมูลของหออัครศิลปิน กระทรวงวัฒนธรรม บันทึกไว้ว่า

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระอุปนิสัยในทางศิลปะมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ซึ่งช่วงระหว่างปี ๒๕๐๒-๒๕๑๐ พระองค์ทรงงานจิตรกรรมอย่างต่อเนื่อง ทรงศึกษาศิลปะด้วยพระองค์เอง โดยฝึกเขียนจากตำราที่ทรงซื้อและมีผู้ทูลเกล้าฯ ถวาย ทั้งยังทรงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับศิลปินผู้ชำนาญ เมื่อสนพระราชหฤทัยผลงานของศิลปินผู้ใดจะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมศิลปิน เพื่อมีพระราชปฏิสันถารและทอดพระเนตรวิธีการทำงานจนเข้าพระราชหฤทัย ซึ่งที่ผ่านมา มีศิลปินอาวุโสศิลปินไทยหลายคนที่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ”

จากข้อมูลของหออัครศิลปิน ยังมีการระบุถึง หม่อมเจ้าการวิก จักรพันธุ์ ในสถานะศิลปินสมัครเล่นผู้นิยมวาดภาพสีน้ำมันที่ทรงใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท และทรงตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการวาดภาพและภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ไว้ โดยสังเขปคือ

…พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มเขียนภาพเหมือน ซึ่งเหมือนจริงและละเอียดมาก แต่ต่อมาได้ทรงวิวัฒน์เข้ากับภาพของจิตรกรสมัยใหม่ และทรงค้นคว้าแนวทางใหม่ๆ แปลกๆ ที่จะแสดงออกซึ่งความรู้สึกของพระองค์ โดยไม่ต้องกังวลกับความเหมือน อันจะมีอิทธิพลบีบบังคับไม่ให้ปล่อยความรู้สึกออกมาได้อย่างอิสระ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศิลปินโดยแท้ ทรงชื่นชมในงานของศิลปินอื่นเสมอ และดูจะไม่เคยทรงพอพระราชหฤทัยกับภาพเขียนของพระองค์และวิธีการที่ทรงใช้อยู่แล้ว และแม้ว่าโปรดที่จะทรงค้นคว้าหาวิธีใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ก็ยังคงเค้าลักษณะอันเป็นแบบฉบับของพระองค์เองโดยเฉพาะ  ขณะที่ทรงวาดภาพนามธรรมที่มองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้ แต่เป็นสาระ ดังภาพที่พระราชทานชื่อว่า วัฏฏะ, โลภะ, โทสะ, ยุแหย่, อ่อนโยน, บุคลิกซ้อน และก็ยังทรงเขียนรูปในลักษณะสวยงามน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มได้ดีอีกด้วย ทั้งที่ไม่สู้ตรงกับพระราชอัธยาศัยเท่าใดนัก

ในฐานะจิตรกร ขณะทรงงาน ทรงใส่อารมณ์และความรู้สึกของจิตรกรอย่างเต็มที่ ทรงมีความรู้สึกตรงและรุนแรง ทรงใช้สีสดและเส้นกล้า ส่วนมากโปรดเส้นโค้ง แต่ในบางครั้งบางคราวก็มีข้อดลพระราชหฤทัยให้ทรงใช้เส้นตรงและเส้นแบบฟันเลื่อย…”

…จากเนื้อหาและแรงบันดาลพระทัยในการทรงเขียนภาพ ภาพเหมือน จากพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทุกพระองค์ และผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ผลงานเหล่านี้ในระยะเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ ทรงควบคุมโครงสร้างของภาพ ทรงระบายสี แสงเงา ตามข้อเท็จจริงที่ทอดพระเนตร

ต่อมา ทรงเพิ่มความเคลื่อนไหวของฝีแปรง การจัดองค์ประกอบภาพค่อยๆ เคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่ทรงปรารถนา และทรงใช้สีสันที่มีความสดใส สนุกสนาน เป็นต้น

ภาพทิวทัศน์ จากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปประทับในที่ต่างๆ จะทรงใช้เวลาสั้นๆ บันทึกภาพ โดยทรงใช้การขึ้นรูปแบบรวมๆ ไม่ทรงแสดงส่วนรายละเอียดของภาพ ทรงแสดงความสดใสของบรรยากาศ และทรงใช้ฝีแปรงปาดป้ายให้เคลื่อนไหวอย่างมีชีวิต

ภาพหุ่นนิ่ง ภาพที่ทรงสร้างสรรค์ขึ้นในห้องทำงานส่วนพระองค์ ผลงานชุดนี้จะมีไม่มาก ทรงวาดขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เช่น “ภาพ ดอกไม้ในแจกันเหลือง”

ภาพจิตนาการเชิงความคิด เป็นภาพที่ทรงได้รับความบันดาลพระทัยจากเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ พระองค์ทรงนำข้อมูลและเรื่องราวมาทรงสร้างรูป (Image) ทรงจัดองค์ประกอบของรูปทรง สี บรรยากาศ และแง่มุมต่างๆ ขึ้นตามจินตนาการส่วนพระองค์

ภาพแสดงออกของอารมณ์และความรู้สึกภายในอย่างอิสระ (Expression) เป็นภาพที่ทรงสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงหลังๆ ทั้งนี้ ผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ จะมีรูปแบบทั้งที่มีข้อมูลจากความเป็นจริง กึ่งเหมือนจริงกึ่งนามธรรม และรูปแบบนามธรรม เนื้อหาจากแนวทางดังกล่าว แสดงออกด้วยอารมณ์ ความรู้สึก ของพระองค์ อาทิ ภาพชื่อ มือแดง, วัฏฏะ, ไฟป่า, ดินน้ำลมไฟ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ รับสั่งเกี่ยวกับการเขียนภาพของพระองค์ว่า ทรงวาดเอง มิได้ทรงปล่อยให้แบบหรือแนวทางของผู้ใดเข้ามามีอิทธิพลกับงานเขียนภาพ ในการวาดภาพก็ทรงวาดอย่างนักวาดภาพสมัครเล่น คือวาดตามพระราชหฤทัยนึกจะวาด มิได้คำนึงถึงทฤษฎีหรือกฎเกณฑ์อันใด ผลงานของพระองค์จึงออกมาจากจินตนาการ ฉะนั้น เมื่อได้เห็นภาพเขียนฝีพระหัตถ์ก็จะเห็นชัดแจ้งถึงลักษณะที่เป็นอิสระเฉพาะพระองค์…

จิตรกรรมฝีพระหัตถ์ ระยะแรกๆ ช่วงปี ๒๕๐๓ จากหนังสือ “ศิลปกรรมฝีพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” โดยมหาวิทยาศิลปากร เพิ่มเติมไว้อีกว่า “ทรงศึกษาความถูกต้องจากต้นแบบ และใช้ฝีแปรงระบายแสงเงาอย่างนุ่มนวล บรรยากาศและท่าทางของแบบที่จัดวางจะเป็นภาพด้านหน้าและด้านข้างครึ่งตัว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทูลกระหม่อมทุกพระองค์”

ตั้งแต่ปี ๒๕๐๔ ทรงเริ่มเขียนภาพที่มีลักษณะเป็น “ภาพนามธรรม” มากขึ้น และในระยะต่อมาทรงเขียน “ภาพผสมผสาน” ระหว่างข้อมูลที่ทรงเห็นจากธรรมชาติกับพระราชดำริส่วนพระองค์ มีลักษณะของรูปทรงของสิ่งที่ทรงเห็น แต่มีการตัดทอนเพิ่มเติมตามแนวพระราชดำริส่วนพระองค์ จนเกิดเป็นรูปทรงใหม่ขึ้น เมื่อได้เห็นผลงานก็จะนึกถึงที่มาของเรื่องราวได้ และที่ยังคงมีอยู่คือเรื่องราวเหล่านั้นจะเกี่ยวข้องกับ “คนและใบหน้า” และเริ่มมีบางภาพที่มีรูปร่างของคนเต็มตัว เทคนิคในการเขียนที่ทรงเคยใช้ฝีแปรงนุ่มนวลเปลี่ยนไป ทรงเขียนสีน้ำมันทับซ้อนหนา ทรงใช้ฝีแปรงที่มีความเคลื่อนไหวฉับพลัน

ทั้งนี้ “ผลงานจิตรกรรมฝีพระหัตถ์” ที่ทรงสร้างสรรค์ไว้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้นำมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชื่นชมอยู่เสมอ “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙” ทรงงานจิตรกรรมนับแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๐ ก็มิได้ทรงเขียนภาพอีกเลย

ทรงไม่มีเวลาสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมเพิ่มขึ้นอีก เพราะทรงมีพระราชภารกิจด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศชาติและประชาชนคนไทย ทรงอุทิศเวลาส่วนใหญ่เพื่อโครงการพัฒนาต่างๆ เพื่อที่จะให้พสกนิกรไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

ปวงไทยทุกหมู่เหล่า ต่างสำนึกในพระเมตตาที่ทรงมีอย่างล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้


Leave a Comment

Your email address will not be published.

0