บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: praew.com | เผยแพร่เมื่อ ๑๙ ตุลาคม ๑๕๕๙
“ความมัธยัสถ์” ถือเป็นคุณูปการสำคัญที่ทำให้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเรียนรู้หลักความพอเพียง สมถะ มาตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ จนกระทั่งสมเด็จย่ามีพระดำรัสในเวลาต่อมาว่า “ในสวนจิตรเนี่ย คนที่ประหยัดที่สุดคือในหลวงรัชกาลที่ ๙ ประหยัดที่สุด ทั้งน้ำ ทั้งไฟ เรื่องฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไม่มี” ดังเช่นของใช้ส่วนพระองค์ที่รวบรวมมาให้ชม ทำให้รู้ว่าในหลวงรัชกาลที่ ๙ ท่านทรงพอเพียง และทรงงานหนักเพียงใดเพื่อปวงชนชาวไทย
ฉลองพระบาท
ฉลองพระบาทคู่โปรดของพระองค์ท่านนั้น ถึงจะเก่าแต่ก็นำมาซ่อมเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่สามารถซ่อมได้แล้วจึงหยุด รองเท้าหนังสีดำธรรมดา สภาพชำรุดทรุดโทรม เนื่องจากการใช้งานหลายสิบปี ภายในรองเท้าผุกร่อนหลุดล่อนหลายแห่ง ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปก็อาจจะทิ้งไปแล้ว เป็นสิ่งที่คุณ “ศรไกร แน่นศรีนิล” ช่างทำรองเท้าร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เล่าย้อนถึงวันวานอันแสนประทับใจ
ในสมัยนั้นคุณศรไกรหลังจากที่เป็นลูกจ้างร้านซ่อมรองเท้ามาสิบกว่าปี ก็ได้มาเปิดร้านของตัวเองแถบถนนพิชัย วันหนึ่งเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังก็ได้ถือพานใส่รองเท้าเข้ามาในร้าน และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นอันทรงเกียรติที่ได้มีโอกาสถวายงานแก่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยาวนานเป็นเวลาหลายสิบปี ซึ่งในครั้งแรกนั้นนอกจากจะใช้เวลาซ่อมฉลองพระบาทคู่สีดำเกือบเดือน เขายังถือโอกาสตัดฉลองพระบาทถวายพระองค์ท่านเพิ่มอีกคู่หนึ่งด้วย หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสซ่อมฉลองพระบาทอีก ๔ คู่ ที่ทรุดโทรมแตกต่างกันไป
ปัจจุบันนี้ ร้าน ก.เปรมศิลป์ (สี่แยกพิชัย) ได้เก็บรักษาชิ้นส่วนพื้นฉลองพระบาทใส่กรอบไว้บนหิ้งบูชา ตกแต่งอย่างดี มีพานและผ้าคลุมพานสีเหลือง

กล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์รุ่นแรก
จากภาพในสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ และภาพบนอินเทอร์เน็ต ที่ปล่อยออกมาอยู่เนืองๆ เรามักจะได้เห็นภาพที่พระองค์ท่านทรงพกกล้องถ่ายภาพ และอยู่ในอิริยาบถของนักถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเสด็จฯ ไปที่ใดเสมอ แค่เฉพาะกล้องถ่ายภาพคู่พระหัตถ์ที่เป็นกล้องฟิล์มก็มีกว่า ๒๐ รุ่น ฉายภาพร้อยเรียงเรื่องราวและแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ ซึ่งพระองค์ท่านมีพระปรีชาสามารถไม่แพ้ด้านอื่น สำหรับกล้องตัวแรกที่ทรงใช้เป็นกล้องตัวเล็กๆ มีชื่อว่า “Coronet Midget” สีเขียวปะดำ ของฝรั่งเศส ราคา ๒ ฟรังก์สวิส ที่พระองค์ท่านทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนมายุเพียง ๘ พรรษา ราวปี พ.ศ. ๒๔๗๙
ดินสอทรงงาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นแบบอย่างในหลายด้านแก่ปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ “ความพอเพียงและความประหยัดอดออม” ซึ่งดินสอไม้ที่พระองค์ทรงใช้ ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงด้านนี้ได้เป็นอย่างดี มีบันทึกว่า “ในปีหนึ่งพระองค์จะทรงเบิกดินสอที่มียางลบติดท้ายแท่ง เพียงแค่ ๑๒ แท่ง เท่านั้น โดยใช้เดือนละ ๑ แท่ง จนกระทั่งดินสอแท่งนั้นกุดจนเขียนไม่ได้แล้วจึงเปลี่ยน” ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท โดยครั้นเมื่อทรงศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดา พระองค์ท่านทรงใช้ดินสออย่างคุ้มค่าที่สุด เมื่อสั้น จะทรงใช้กระดาษมาม้วนต่อปลายดินสอให้ยาว เพื่อให้เขียนได้ถนัดมือจนกระทั่งหมด
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพระองค์ท่านจึงทรงเลือกใช้ดินสอในการทรงงานแทนปากกาตามสมัยนิยม ที่เป็นเช่นนั้นเพราะด้วยทรงเห็นว่าราคาถูกและผลิตได้ในประเทศ อีกทั้งเมื่อผิดก็สามารถลบออกได้ง่าย
สมุดบันทึกส่วนพระองค์
หลอดยาสีพระทนต์
ภาพหลอดยาสีพระทนต์นี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีลักษณะแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอดยิ่งปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะพระองค์ท่านทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีดและกดจนเป็นรอยบุ๋ม หลายคนคงตั้งคำถามว่า แล้วภาพหลอดยาสีพระทนต์ส่วนพระองค์นี้มีมาให้เราชมได้อย่างไร เรื่องราวมีที่มาดังนี้
ครั้งหนึ่งแพทย์หญิง ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ทันตแพทย์ประจำพระองค์ และอดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กราบถวายบังคมทูลเรื่องศิษย์ทันตแพทย์จุฬาฯ แก่พระองค์ท่าน ใจความเกี่ยวกับค่านิยมอันฟุ้งเฟ้อในการใช้ของนอกและมีราคาแพง ซึ่งมีความแตกต่างจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงนิยมใช้กระเป๋าผลิตภายในประเทศเช่นสามัญชนทั่วไป ทรงใช้ดินสอสั้นจนต้องต่อด้าม หรือแม้แต่ยาสีพระทนต์ของพระองค์ท่านก็ทรงใช้ด้ามแปรงพระทนต์รีดหลอดยาจนแบน ไม่หลงเหลือยาสีพระทนต์อยู่ในหลอด
ครั้นเมื่อกราบบังคมทูลเสร็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จึงรับสั่งว่าของพระองค์ท่านก็เหมือนกัน อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ มหาดเล็กห้องสรงเห็นว่ายาสีพระทนต์ของพระองค์คงใช้หมดแล้ว จึงได้นำหลอดใหม่มาเปลี่ยนให้แทน เมื่อพระองค์ทรงทราบ ก็ได้ขอให้เขานำยาสีพระทนต์หลอดเก่ามาคืน และพระองค์ท่านยังทรงสามารถใช้ต่อไปได้อีกถึง ๕ วัน ด้วยพระจริยวัตรที่ดีงาม ทันตแพทย์ประจำพระองค์จึงได้กราบพระบาททูลขอพระราชทานหลอดยาสีพระทนต์หลอดนั้นไปประดับที่คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อนำไปเป็นเครื่องเตือนใจให้ศิษย์รู้จักประหยัด ลดการใช้ของฟุ่มเฟือย
ที่มา : ประภาส ชลศรานนท์ จากหนังสือพิมพ์มติชน วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ.2543 คอลัมน์ “คุยกับประภาส”
อุปกรณ์งานช่าง งานวิจัยส่วนพระองค์
ของเล่นส่วนพระองค์
แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ ๙
หากได้ติดตามพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านอย่างต่อเนื่อง จะพบว่า นอกเหนือจากดินสอไม้มียางลบที่เป็นสิ่งของทรงงาน ทุกครั้งที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ไป ณ สถานที่ใด จะต้องมีแผนที่อยู่แผ่นหนึ่งติดข้างพระวรกายเสมอ ซึ่งแผนที่ฉบับนั้นเรียกว่า “แผนที่มาตราส่วน ๑ : ๕๐,๐๐๐” เป็นเครื่องมือที่นายช่างชลประทานใช้ในการวางโครงการชลประทานเบื้องต้น และหากคลี่แผนที่ของพระองค์ท่านออกมา จะพบว่ามีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากทรงนำแผนที่หลายแผ่นมาต่อกันด้วยพระองค์เองอย่างปราณีต ขนาดถึง ๙ แผ่น หรือ ๙ ระวาง แล้วพับให้เหลือขนาดที่ทรงพกพาได้สะดวก เพื่อสามารถคลี่มาดูจุดที่ต้องการได้ในทันที โดยไม่ต้องกางทั้งแผ่น
ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึง “แผนที่ของในหลวงรัชกาลที่ ๙” ไว้ในรายการวิทยุ “พูดจาภาษาช่าง” ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ โดยจะขอยกมาใจความหนึ่ง นอกเหนือจากขนาดที่กว้างกว่าแผนที่คนอื่น “ทุกครั้งก่อนที่จะเสด็จฯ ไปไหน พระองค์ท่านจะทรงเตรียมทำแผนที่ และศึกษาแผนที่นั้นโดยละเอียด แล้วเมื่อเสด็จฯ ไปถึง พระองค์ท่านจะทรงสอบถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน ทิศเหนือมีอะไร ทิศใต้มีอะไร ถามหลายๆ คน แล้วตรวจสอบไปมา ระหว่างที่ถามนั้นดูจากแผนที่ว่าแผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่ น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน” ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นสาเหตุว่าทำไมแผนที่ของพระองค์ท่านจึงเต็มไปด้วยรอยปะกาว

นาฬิกาส่วนพระองค์
พระองค์ทรงไม่เห็นความจำเป็นว่าต้องใช้ของแพง หรือต้องเป็นแบรนด์เนม ไม่โปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้นนาฬิกา
คลังภาพในหลวงในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๙๐ ปี นาฬิกาบนข้อพระหัตถ์คือ “Seiko SKJ045P” นาฬิกาดำน้ำ ระบบ Kinetic ตัวเรือนเป็นไทเทเนียม ซึ่งถือว่าเป็นนาฬิการะดับธรรมดามากๆ เรียกภาษาชาวบ้านคือเป็นนาฬิกาใช้งาน แสดงถึงความเรียบง่ายและสมถะของพระองค์ท่าน และทรงเป็นแบบอย่างแห่งความพอเพียงอย่างที่สุด
ขอบคุณข้อมูลเรื่องนาฬิกา: Withaya Heng
ขอบคุณข้อมูล: ddproperty.com เขียนโดย วัลย์ลดา หาญยุทธ
ขอบคุณภาพบางส่วน: Timporn Chayawuttipong