บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: praew.com | เผยแพร่เมื่อ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙
เรื่อง: ดั่มดั๊มพ์
เครดิตภาพ: โยธา รัตนเจริญโชค, วรสันต์ ทวีวรรธนะ
เมื่อความพอเพียง = ความสุข
ศรัณย์ ภัทโรพงศ์
เพราะชอบงานศิลปะมาแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้งที่มีโอกาสชมภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เขาต้องรู้สึกอยากได้ไว้ครอบครอง แม้จะออกตัวว่าไม่ใช่นักสะสมศิลปะตัวเป้ง แต่คุณอู๋ – ศรัณย์ เจ้าของรีสอร์ทวิลล่ามารดาดี เชียงใหม่ ก็มักได้เป็นเจ้าของภาพในหลวงที่มีเทคนิคแปลกและแตกต่างจากภาพในหลวงที่เห็นกันเกร่อตามท้องตลาด
“ผมชอบงานศิลปะ แรกๆ ไม่ได้เจาะจงว่าชอบอะไรเป็นพิเศษ แต่ทุกครั้งที่ดูงานศิลปะที่เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง ผมให้ความสนใจมาก จะรู้สึกใจสั่น อยากได้มาอยู่กับเรา ซึ่งงานศิลปะพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงส่วนใหญ่มักเป็นงานการกุศล และสร้างสรรค์ขึ้นในหลากหลายเทคนิค ทั้งของคนจบศิลปากรที่ทำงานศิลปะ และไม่ได้ทำงานศิลปะ”
“กระทั่งสะดุดตาผลงานของคุณวรวิทย์ แก้วศรีนวม ดูไม่รู้ว่าเป็นภาพถ่ายหรือภาพวาด เขาบอกว่าเป็นภาพถ่าย เขานั่งดื่มน้ำ แล้วน้ำหก จึงลองเอาน้ำเกลี่ยวาดเป็นพระพักตร์ในหลวงตามจินตนาการ และถ่ายภาพนั้นเก็บไว้ ตั้งชื่อภาพว่า ‘น้ำแห่งชีวิต’ ผมเห็นครั้งแรกแล้วชอบ ขอซื้อเลย เป็นความประทับใจที่เขาคิดตรงกับเรา พระองค์ท่านทรงงานเกี่ยวกับน้ำมากมาย รวมทั้งน้ำพระทัยที่ทรงมีต่อประชาชนด้วย”
เขายังได้รู้จักศิลปินผ่านโลกโซเชียลอีกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น อดีตผู้กำกับหนังโฆษณา วธน กรีทอง ที่ถึงจุดอิ่มตัวกับงานภาพยนตร์และอยากกลับมาทำงานศิลปะ จึงหาเลี้ยงชีพด้วยการวาดภาพสีน้ำพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง
“วันหนึ่ง คุณวธนบอกผมว่าจะอดตายแล้ว ผมจึงบอกว่าชอบงานของเขา อยากขอซื้อ ผมเห็นพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงทุกองค์ที่เขาวาดแล้วรู้สึกสะเทือนใจ เพราะเขาจับมุมมองเล็กๆ ของพระองค์ท่านมาขยาย สื่อความหมายได้อย่างกินใจ และเป็นมุมมองที่ทำให้ผมสื่อกับงานศิลปะที่เขาแสดงออกมา จึงเหมาซื้องานของเขามาตลอด ทีละห้าองค์ สิบองค์ จนทุกวันนี้มีงานของเขาไม่ต่ำกว่า ๓๐ องค์ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เท่ากับว่าในหลวงทรงให้โอกาสคนหาเลี้ยงชีพได้ด้วย พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่าน มีองค์หนึ่งที่เขาส่งไปประมูลเพื่อให้คนบริจาค ปรากฏว่ามีคนประมูลผลงานของเขาสูงถึง ๖๐,๐๐๐ บาท ผมพลอยดีใจไปกับเขาด้วย”
“ส่วนภาพนี้ของศิลปินป็อปอาร์ตชื่อดัง โลเล – ทวีศักดิ์ ศรีทองดี ซึ่งค้นพบเทคนิคนี้จากการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ ๕ ขณะทรงนั่งทอดปลาทู โดยการใช้สีอะคริลิกรองพื้นชั้นแรก พอสีแห้งปุ๊บสวยเลย ไม่ต้องทำอะไรต่อ พอเป็นในหลวงรัชกาลที่ ๙ เขาก็ใช้เทคนิคนี้ ซึ่งคนมองว่าเป็นสีน้ำ แต่ที่จริงเป็นสีอะคริลิกบนผ้าใบ อาจพูดได้ว่าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงที่ผมรักที่สุดก็ว่าได้ ความที่เป็นงานศิลปะ มีความสมบูรณ์ลงตัวโดยไม่ต้องบรรยาย”
“พระบรมสาทิสลักษณ์องค์ต่อมา แม้ไม่ใช้เทคนิคพิเศษ แต่ใครเห็นภาพนี้ ส่วนมากต้องถามว่าเป็นภาพถ่ายหรือเปล่า พอบอกว่าเป็นดรออิ้ง ทุกคนจะบอกว่าไม่น่าเชื่อ เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงและพระราชินีเสด็จฯไปทรงเยี่ยมประชาชนทางรถไฟ เป็นรูปดรออิ้งขาว–ดำ ผลงานของลาภ อำไพรัตน์ ศิลปินชาวสุราษฎร์ธานี บ้านเกิดเดียวกับผม แม้จะเป็นภาพที่เคยผ่านตามาบ้าง แต่ที่เคยเห็น ไม่ชัดเจนเท่ารูปนี้ ผมชอบพระอิริยาบถของสองพระองค์ที่ทรงทักทายประชาชน เห็นแล้วอบอุ่น สามารถจินตนาการย้อนกลับไปตอนที่พระองค์ท่านเสด็จขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ได้ เห็นความอบอุ่นและไมตรีของพระองค์ท่าน ซึ่งรูปนี้สื่ออารมณ์ออกมา ผมมีโอกาสได้คุยกับคุณลาภ จึงรู้ว่างานดรออิ้งมีหลายระดับ แต่งานของเขารูปหนึ่งใช้เวลามาก ใช้พลังเยอะ จึงทำให้งานของเขาละเอียดกว่าของคนอื่น ซึ่งคนวงการศิลปะหรือคนเขียนดรออิ้งล้วนให้การยอมรับผลงานของเขา เป็นอีกรูปหนึ่งที่ผมประทับใจมาก”
“ถ้าย้อนกลับมาดู จะเห็นว่าเป็นเพราะพระบารมีของพระองค์ท่านที่ทรงแผ่ไปถึงประชาชนกลุ่มเล็กๆ ในวงการศิลปะ และผมซึ่งเริ่มสนใจงานศิลปะได้มารู้จัก อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เกื้อกูลกัน”
ทุกวันนี้ พระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวงนับร้อยองค์ที่เขามี ได้อัญเชิญไปประดิษฐานในห้องพักภายในรีสอร์ทของเขาทุกหลัง ด้วยเหตุที่ว่า
“ผมชอบคำที่บอกว่า รูปที่มีทุกบ้าน ผมทำรีสอร์ท มีชาวต่างชาติมาพัก จึงอยากให้เขารู้สึกว่าแต่ละห้องเป็นเหมือนบ้านของเขานะ จึงอัญเชิญพระบรมสาทิสลักษณ์ไปประดิษฐานไว้ตามอารมณ์ของห้องนั้นๆ สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป และยังมีอีกหลายองค์ที่ยังไม่ได้ใส่กรอบ ถ้าเจอผมก็จะขอเก็บไว้อีก โดยไม่ได้สนใจว่าเป็นผลงานของศิลปินคนไหน ขอให้เป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่านก็พอ”
“ยิ่งผมนำพระราชดำรัสคำว่า ‘พอเพียง’ ของพระองค์ท่านมาตีความ ทำให้ผมยิ่งเกิดความศรัทธา พระราชดำรัสนี้ลึกซึ้ง ทำให้เราพบความสุขได้ เงินน้อยหน่อยแต่มีความสุข และนำสิ่งนี้มาทำให้ชีวิตครอบครัวเรามีความสุขด้วย ผมคิดว่าถ้าทุกคนในเมืองไทยยึดหลักนี้ ทุกคนจะเกิดความสมดุล ประเทศเราจะมีความสุขกว่านี้
“ถ้าถามว่าผมรักพระองค์ท่านตรงไหน ก็ตรงที่ทรงเป็นผู้ให้ประเทศไทยมาตลอด ซึ่งผมเชื่อเหมือนกับเพลงที่ คุณดี้ – นิติพงษ์ แต่งว่า พระองค์ท่านคือเทวดาที่มีลมหายใจ”