บทความนี้เป็นบทความที่คัดลอกมา
ที่มา: คมชัดลึก | เผยแพร่เมื่อ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๕
เหรียญทรงผนวช ๒๔๙๙ เหรียญทองคำที่เช่าหากันหลายล้านบาท
เมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชประสงค์ที่จะทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนาตามโบราณราชประเพณี นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชภาระสนองพระเดชพระคุณในการทรงพระผนวช ในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทย และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้ง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนา ๑๕ วัน ระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม ถึงวันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เชิญเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และคณะทูตานุทูต เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เพื่อทรงแถลงพระราชดำริในการที่จะเสด็จออกทรงพระผนวช อีกทั้งโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ราษฎรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เพื่อมีพระราชดำรัสแก่ประชาราษฎร ความตอนหนึ่งว่า
“ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ท่านทั้งปวงมาร่วมประชุมกัน ณ ที่นี้ ขอถือโอกาสแจ้งดำริที่จะบรรพชาอุปสมบทให้บรรดาอาณาประชาราษฎรทราบทั่วกัน”
วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ เวลา ๑๔.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หลังจากทรงเจริญพระเกศาโดยสมเด็จพระบรมราชชนนี ทรงจรดพระกรรไกรบิดเปลื้องพระเกศาเป็นปฐมฤกษ์แล้ว ทรงเครื่องเศวตพัสตรีทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี และพระพุทธรูปฉลองพระองค์รัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ ทรงรับผ้าไตรจากสมเด็จพระราชชนนีแล้วทรงเข้าบรรพชาอุปสมบทในท่ามกลางสังฆสมาคม ซึ่งมี สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน ซึ่งทรงได้รับสมญาจากพระราชอุปัชฌาจารย์ ว่า “ภูมิพโล”
ระหว่างที่ทรงดำรงสมณเพศ พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระราชกิจ เช่นเดียวกับพระภิกษุทั้งหลายอย่างเคร่งครัด เช่น เสด็จลงพระอุโบสถทรงทำวัตรเช้า-เย็น ตลอดจนทรงสดับพระธรรมและพระวินัย นอกจากนี้ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจพิเศษอื่นๆ
สำหรับภาพพระองค์ครูวันนี้เป็นภาพ “เหรียญทรงผนวช” ของนายสมชาติ ศรีรัตนารุ่งเรือง ทั้งนี้ นายอรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย หรือ บอย ท่าพระจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญพระคณาจารย์ของสมาคมพระเครื่องพระบูชาไทย บอกว่า การจัดสร้างซึ่งเป็นเหรียญที่อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งฉายไว้ในขณะทรงผนวชเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ ออกโดยวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๘ ไม่ใช่เหรียญที่จัดสร้างเพื่อเป็นที่ระลึกเมื่อครั้งทรงผนวชโดยตรง
เหรียญทรงผนวช แยกได้เป็น ๒ บล็อก คือ บล็อกธรรมดาและบล็อกนิยม ส่วนค่านิยมนั้นเหรียญทองคำซึ่งเป็นบล็อกธรรมดา ปัจจุบันที่การเช่าหากันหลายล้านบาท ที่เห็นมีเวียนอยู่ในตลาดน้อยมากน่าจะไม่เกิน ๑๐ เหรียญ ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเก็บมากกว่า นานๆ ครั้งจะมีการชื้อขาย ส่วนเนื้ออื่นๆ นั้น เนื้อเงินหลายแสนบาท เนื้อทองแดง ๑-๒ แสนบาท ส่วนเนื้ออัลปาก้า ๕๐,๐๐๐-๑๐๐,๐๐๐ บาท แต่ต้องเป็นบล็อกนิยมเท่านั้น